กลยุทธ์การลงทุน Crude Oil (WTI) ประจำวันที่ 1 ส.ค. 2568

1 ส.ค. 2025

Day โครงสร้างเทรนด์ขาขึ้น วานนี้ราคาปรับตัวลง หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้าน FVG H1 ที่ให้ไว้ 69.382-69.947 ร่วงลงตามคาด ปัจจัยสำคัญวานนี้เกี่ยวความกังวลนักลงทุนเส้นตาย มาตราการภาษีทรัมป์ วันที่ 1 ส.ค. โดยเฉพาะประเทศยังไม่มีผลการเจรจา ซึ้งท้ายที่สุดของวันหลังทรัมป์ ประกาศผลการเจรจาในเอเซียนที่ออกมาอยู่ระดับแข่งขันได้ 19% เกือบทุกประเทศ ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันในช่วงเช้าวันนี้ ราคาสามารถทรงตัวอยู่เหนื่อแนวรับที่ให้ไว้ 67.765-68.417

น้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ $ 69.26 ดต่อบาร์เรล ลดลง 1.06%

สหรัฐประกาศอัตราภาษีนำเข้า 19% ไทย กัมพูชา มาเลเซีย… ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน

  • 31 ก.ค. ประกาศผลการเจรจาการค้าไทย-กัมพูชา  หลังคำขู่ทรัมป์ให้หยุดยิงเพื่อแลกกับข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ มาเลเซียได้อานิสงค์ในฐานะประเทศผู้ใกล่เกลี่ย
  • สหรัฐ – ไทย : สินค้าไทยเข้าสหรัฐคิดภาษี 19% (จาก 36%) ไทยลดภาษีนำเข้าสินค้า จากสหรัฐ 0% หลายรายการ (90% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐ) , ยินดีเพิ่มการนำเข้าสินค้า เกษตร เครืองจักร และพลังงานจากสหรัฐ , บังคับใช้ “กฎแหล่งกำเนิดสินค้า” Rules of Origin , เสนอความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล อาหารแปรรูป กระตุ้นการลงทุนร่วมไทยในสหรัฐ ลดดุลย์การค้า ลง 70% ภายในเวลา 3 ปี
  • สหรัฐ – กัมพูชา  : สินค้ากัมพูชาเข้าสหรัฐคิดภาษี 19% (จาก 36% -49%)  โดยลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 19 กลุ่มสินค้า จากนำเข้า 35% เหลือ 5% เสนอ ปรับปรุงโรงงานกัมพูชาให้มีมาตราฐานโรงงานสิ่งทอ เช่น ปรับปรุงค่าจ้าง ชั่วโมงการทำงาน ความปลอดภัย
  • สหรัฐ – มาเลเซีย : ได้รับกำหนด ภาษีนำเข้าสหรัฐ อัตรา 19% เช่นเดียวกัน มีบทบาทในการเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง
  • ทรัมป์กำหนดอัตราภาษีโลกขึ้นต่ำ ไว้ที่ -สำหรับสินค้าจากประเทศที่10-41 % ส่งสินค้าไปสหรัฐที่นอกเหนือจากที่ประกาศไว้
  • สหรัฐกำหนดภาษีหลีกเลี่ยง เพิ่ม 40% การขนส่งผ่านประเทศที่ 3 Transshipping เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่เหมาะสม หากตรวจพบ จะต้องเสียภาษี 40%

สหรัฐขยายเวลาการเจรจากับจีน และแม็กซิโก … ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน

  • ทรัมป์  ขยายเวลาให้เม็กซิโกอีก 90 วัน เพื่อเจรจาข้อตกลงทางการค้าในวงกว้างขึ้น เช่นเดียวกับประเทศจีน

ทรัมป์ประกาศแคนาดา และเพิ่มกดดันยา … ปัจจัยกดดัน USD

  • ทรัมป์ยกระดับแรงกดดันยา:    สหรัฐส่งจดหมายให้ผู้ผลิตยที่สำคัญในสหรัฐ 17 แห่ง ต้องการให้ลดราคายาปัจจุบันที่มีขายในสหรัฐ ตามโครงการณ์ Medicaid ลงทันที และให้รับประกัน ยาตัวใหม่ในอนาคตทีผลิต จะต้องคงราคาเดียวกับราคาขายในต่างประเทศ โดยให้เวลา 60 วัน ในการปฎิบัติตามสมัคร ทิ้งท้าย “จะใช้วิถีทางที่มี ในการปกป้องชาว USA จากการเอาเปรียบราคายา”
  • ทรัมป์ ลงนามคำสั่งพิเศษ Executive Order เพิ่มภาษีนำเข้า จากเดิมที่ประกาศ 25% เป็น 35% เริ่ม 1 ส.ค. “เพื่อตอบสนองต่อการเพิกเฉยและการตอบโต้ของแคนาดาอย่างต่อเนื่อง”

H4/H1  โครงสร้าง H4 สิ้นสุดโครงสร้างเทรดน์ขาลง ราคาน้ำมันยืนเหนือ Choch H4 ระดับ 67.219 ขึ้นมาได้ (ตามคาด) ซึ่งเพิ่มมุมมองฝั่งซื้อ ราคาน้ำมันดีดตึวขึ้นระดับ 69.200 วานนี้มีการย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะขึ้นมาแตะระดับ 69.940 (ตามคาด) ซึ่งเป็นบริเวณแนวต้าน FGV และ ชนกับ Channel Uptrend ในขณะที่ TF H1 เริ่มปรากฎสัญญาณ Bearish Divergence ราคาปรับย่อลงตามคาด

คำแนะนำ

  • ปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณซื้อ) บริเวณกรอบ 67.765-68.417 /SL 70.100 เพื่อทำกำไร ระยะสั้น 68.560/68.648/68.794/69.001/69.129
  • เปิดสถานะซือ (รอสัญญาณซื้อ) บริเวณกรอบ 66.734-67.206 / SL 67.000 เพื่อทำกำไร 67.223/67.376/67.585/68.098/68.406/68.794

แนวรับ 67.745/66.767/65.488

แนวต้าน 69.940/71.215/72.119

ปฎิทินเศรษฐกิจ 1 ส.ค.2568

บทวิเคราะห์ข่าว

  • ติดตามตัวเลข Non-Farm และ อัตราการว่างงานในคืนนี้ หากตัวเลขออกมาในทิศทางที่การจ้างงานมากกว่าเดือนที่แล้วและอัตราการว่างงานที่ต่ำลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อ USD ซึ่งจะกดดัน ราคาน้ำมันในฐานะ สินทรัพย์ที่จับคู่
  • ติดตามตัวเลข PMI -ภาคการผลิต ซึ่งจะสะท้อนอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐโดยตรง หาก ค่าออกมา มากกว่า เดิม หรือ 50 ขึ้นไป จะบ่งบอกเศรษฐกิจสหรัฐกลับมาขยายตัวซึ่งส่งผลบวกต่อความต้องการน้ำมัน

โดย Trin Anuwattanawong